ในปัจจุบันโลกของการพัฒนาซอฟต์แวร์นั้นเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การทำงานที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดคือการมีโค้ดที่เชื่อถือได้ โดยวิธีหนึ่งที่ช่วยให้เรามั่นใจได้คือการทำ Unit Testing ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้การพัฒนาโปรแกรมเป็นไปได้อย่างมีเสถียรภาพและประหยัดเวลา
Unit Testing คือกระบวนการในการทดสอบโค้ดในระดับหน่วยย่อยที่สุด ซึ่งอาจจะเป็นฟังก์ชัน คลาส หรือโมดูล เพื่อยืนยันว่าในแต่ละส่วนทำงานตามที่คาดหวัง และไม่มีข้อผิดพลาดหรือพฤติกรรมแปลกๆ การใช้ Unit Testing ทำให้เราสามารถตรวจพบข้อผิดพลาดได้ตั้งแต่เนิ่นๆ อีกทั้งยังช่วยให้เรามั่นใจว่าเมื่อมีการแก้ไขโค้ดในอนาคต จะไม่ทำให้เกิดปัญหาใหม่
ในภาษาโปรแกรมต่างๆ มีเครื่องมือและไลบรารีสำหรับทำ Unit Testing มากมาย หนึ่งในเครื่องมือมาตรฐานของ Unit Testing คือ assertEquals() ซึ่งทำหน้าที่ตรวจสอบว่าค่าที่ได้จากการทำงานของโค้ดนั้นตรงกับค่าที่คาดหมายหรือไม่
ตัวอย่างการใช้งานนี้ สามารถพบได้ในไลบรารีทดสอบยอดนิยม เช่น JUnit ใน Java สำหรับการเปรียบเทียบค่าคาดคะเนจากฟังก์ชันกับค่าผลลัพธ์ที่ได้
ลองพิจารณาตัวอย่างง่ายๆ ของฟังก์ชันที่บวกเลขสองจำนวน:
public class MathUtils {
public int add(int a, int b) {
return a + b;
}
}
และการทดสอบฟังก์ชันนี้ด้วย assertEquals() จาก JUnit
import static org.junit.jupiter.api.Assertions.assertEquals;
import org.junit.jupiter.api.Test;
public class MathUtilsTest {
@Test
public void testAdd() {
MathUtils mathUtils = new MathUtils();
int result = mathUtils.add(2, 3);
assertEquals(5, result, "การบวก 2 กับ 3 ควรได้ 5");
}
}
จากตัวอย่างนี้ ฟังก์ชัน `testAdd()` ทำการทดสอบว่าการเรียกใช้ `add(2, 3)` ควรจะได้ผลลัพธ์เป็น 5 ฟังก์ชัน `assertEquals(expected, actual, message)` จะเปรียบเทียบค่าที่คาดหวัง (`expected`) กับผลลัพธ์ที่ได้ (`actual`) หากทั้งสองค่าไม่ตรงกันจะเกิดการแสดงข้อผิดพลาดพร้อมข้อความที่กำหนด
เครื่องมือ assertEquals() มีข้อดีหลายประการ:
1. ประหยัดเวลา: สามารถระบุตำแหน่งของข้อผิดพลาดได้ง่าย 2. ข้อมูลที่ชัดเจน: แจ้งเตือนนักพัฒนาพร้อมกับข้อมูลที่ชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น 3. ผสานเข้ากับระบบอื่นๆได้ง่าย: ทำให้สามารถติดตั้งและทำงานร่วมกับเครื่องมือ CI/CD ในการส่งต่อซอฟต์แวร์สู่การผลิตได้อย่างราบรื่น
สมมติว่าคุณกำลังพัฒนาแอปพลิเคชัน e-commerce ฟังก์ชันการคำนวณราคาสินค้าหลังจากใช้คูปองเป็นตัวสาธิตที่ดีในการใช้งาน assertEquals() เพื่อยืนยันว่าการคำนวณราคาทำงานถูกต้องแม่นยำ ช่วยให้มั่นใจว่าลูกค้าจะไม่ถูกคิดเงินเกินหรือขาด
public class PriceCalculator {
public double applyDiscount(double price, double discount) {
return price - (price * discount);
}
}
การทดสอบฟังก์ชันนี้:
@Test
public void testApplyDiscount() {
PriceCalculator calculator = new PriceCalculator();
double result = calculator.applyDiscount(100, 0.1);
assertEquals(90, result, "ราคาที่ได้รับหลังจากใช้ส่วนลด 10% จาก 100 ควรจะเป็น 90");
}
Unit Testing และการใช้งาน assertEquals() เป็นหลักการที่สำคัญสำหรับการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่มีคุณภาพ ช่วยให้การตรวจสอบค้นหาข้อผิดพลาดทำได้มีประสิทธิภาพและมีข้อมูลที่ชัดเจน อันเป็นเหตุผลที่ทำให้ assertEquals() เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ช่วยให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์สามารถสร้างซอฟต์แวร์ที่มีคุณภาพและเชื่อถือได้
หากคุณสนใจและต้องการเข้าใจเรื่องของการทำ Unit Testing ให้ลึกซึ้งหรือการพัฒนาซอฟต์แวร์ในเชิงลึก ขอเชิญเข้ามาศึกษากับเราได้ที่ EPT ศูนย์การเรียนรู้และพัฒนาทักษะการเขียนโปรแกรมที่มุ่งเน้นการฝึกฝนและประสบการณ์จริงจากผู้เชี่ยวชาญในวงการ
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
หากเจอข้อผิดพลาด หรือต้องการพูดคุย ติดต่อได้ที่ https://m.me/expert.Programming.Tutor/
Tag ที่น่าสนใจ: java c# vb.net python c c++ machine_learning web database oop cloud aws ios android
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM