หัวข้อที่น่าสนใจและมีความสำคัญในวงการ Computer Science ก็คือเรื่องของ Data Structures ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการเขียนโปรแกรม โดยหนึ่งในโครงสร้างข้อมูลที่ได้รับความนิยมและถูกใช้งานอย่างกว้างขวางคือ Tree หรือโครงสร้างแบบต้นไม้ ซึ่งเราจะมุ่งเน้นไปที่ประเภทหนึ่งของต้นไม้นั่นคือ Balanced Tree ที่เป็นกุญแจสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพของการจัดเก็บและเข้าถึงข้อมูล
Tree เป็นโครงสร้างข้อมูลแบบที่ประกอบไปด้วยออบเจ็กต์หลาย ๆ ออบเจ็กต์ที่เรียกว่าประเภท (node) ซึ่งเชื่อมต่อกันในลักษณะของโครงสร้างต้นไม้ ประเภทที่เป็นราก (root) คือตำแหน่งเริ่มต้นที่ไม่มีประเภทพ่อแม่ (parent) ส่วนประเภทลูก (child) เชื่อมต่อจากประเภทที่เป็นพ่อแม่ การใช้งาน Tree นั้นมีหลากหลาย เช่น ในการจัดเรียงข้อมูล (sorting), โครงสร้างไฟล์ในระบบปฏิบัติการ และการค้นหาทางลัด
Balanced Tree เป็นชนิดของ Tree ที่แต่ละประเภทใน Tree จะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกัน ทั้งนี้เพื่อให้การค้นหา การเพิ่ม และการลบประเภทใน Tree ใช้เวลา O(log n) ในทางทฤษฎี Balanced Tree นั้นเป็นการควบคุมความลึกใน Tree ไม่ให้มีลึกมากเกินไปจนอาจทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง
ตัวอย่างของ Balanced Tree ที่รู้จักกันดีคือ AVL Tree และ Red-Black Tree ทั้งสองมีคุณสมบัติต่าง ๆ ที่ทำให้ Tree คงความสมดุลอยู่ตลอดด้วยการหมุนประเภทหรือเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติสีของประเภทตามกฎที่กำหนดไว้
AVL Tree
AVL Tree เป็นหนึ่งในประเภทของ Balanced Tree ที่รับประกันว่าความต่างของความสูงระหว่างสองประเภทลูกของประเภทใด ๆ ใน Tree จะไม่เกิน 1 กล่าวคือ AVL Tree ถูกออกแบบมาให้มีสมดุลอัตโนมัติผ่านการหมุนของประเภทเมื่อการแทรกหรือการลบประเภททำให้สมดุลานโยบายถูกทำลาย
class AVLNode:
def __init__(self, key):
self.key = key
self.height = 1
self.left = None
self.right = None
def rotateRight(y):
x = y.left
T2 = x.right
x.right = y
y.left = T2
y.height = max(getHeight(y.left), getHeight(y.right)) + 1
x.height = max(getHeight(x.left), getHeight(x.right)) + 1
return x
def getHeight(node):
if not node:
return 0
return node.height
Red-Black Tree
Red-Black Tree เป็นอีกหนึ่งชนิดของ Balanced Tree ที่มีการใช้สี (แดงและดำ) เพื่อให้คงสมดุลผ่านการหมุนแบบต่าง ๆ ด้วยการเปลี่ยนสีของประเภท ครอบคลุมด้วยกฎต่าง ๆ เช่น รูทต้องเป็นสีดำ ไม่มีประเภทลูกสีแดงสองประเภทติดกัน เป็นต้น
Balanced Tree ถูกใช้อย่างแพร่หลายในระบบฐานข้อมูล ระบบการค้นหา ประสิทธิภาพที่ดีของ Balanced Tree ทำให้มันเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับแอปพลิเคชันที่ต้องการจัดการข้อมูลจำนวนมากอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เช่น การจัดการไฟล์ในฮาร์ดดิสก์ (File Systems)、หน่วยความจำสำรอง (Caches)、และระบบค้นหา (Search Engines)。
การเข้าใจถึงโครงสร้างข้อมูลเช่น Balanced Tree จะเป็นพื้นฐานสำคัญที่ช่วยพัฒนาให้คุณเป็นโปรแกรมเมอร์ที่มีคุณภาพ การเข้าใจลึกซึ้งถึงวิธีการที่โครงสร้างข้อมูลทำงาน สามารถช่วยคุณเลือกใช้เทคนิคที่เหมาะสมในการพัฒนาซอฟต์แวร์และแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่เจอในงานจริง
บางที การเริ่มต้นศึกษาจากพื้นฐานและค่อย ๆ เพิ่มพูนความรู้ไปกับสายการเรียนคอมพิวเตอร์นั้น อาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่ต้องการเข้าสู่วงการนี้อย่างจริงจัง
หากคุณสนใจที่จะพัฒนาทักษะของคุณในด้านนี้ การศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงสร้างข้อมูลอย่างจริงจังจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเรียนด้วยตัวเองหรือผ่านชั้นเรียนที่มีโครงสร้าง EPT (Expert-Programming-Tutor) เสนอหลักสูตรที่ครอบคลุมและมีแนวทางช่วยผู้เรียนพัฒนาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และแนะนำให้นักเรียนเข้าใจลึกซึ้งทั้งทฤษฎีและปฏิบัติในการจัดการโครงสร้างข้อมูลแบบต่าง ๆ ซึ่งจะเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับเทคโนโลยีและตลาดการทำงานที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ด้วยการศึกษาและการฝึกฝน เราจะสามารถใช้ Balanced Tree ในการจัดการข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถประยุกต์ใช้ได้ในโครงการต่าง ๆ ของเราได้อย่างเหมาะสมและตอบสนองความต้องการของตลาดในปัจจุบันอย่างสูงสุด
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
หากเจอข้อผิดพลาด หรือต้องการพูดคุย ติดต่อได้ที่ https://m.me/expert.Programming.Tutor/
Tag ที่น่าสนใจ: java c# vb.net python c c++ machine_learning web database oop cloud aws ios android
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM