สมัครเรียนโทร. 085-350-7540 , 084-88-00-255 , ntprintf@gmail.com

CSS

CSS - CSS คืออะไร CSS - การเพิ่ม CSS ใน HTML CSS - Syntax ของ CSS CSS - Selectors ใน CSS CSS - Specificity ใน CSS CSS - การใช้ Class และ ID Selectors CSS - การใช้ Element Selectors CSS - Pseudo-classes CSS - Pseudo-elements CSS - การจัดการ Text และ Font CSS - การใช้ Color ใน CSS CSS - Backgrounds และ Background Properties CSS - การใช้ Gradients ใน CSS CSS - Borders และ Border Properties CSS - Margins ใน CSS CSS - Paddings ใน CSS CSS - การใช้ Box Model CSS - การใช้ Display Property CSS - การใช้ Visibility Property CSS - การใช้ Positioning (Static, Relative, Absolute, Fixed, Sticky) CSS - Flexbox คืออะไร CSS - การใช้ Flexbox ในการจัด Layout CSS - Grid คืออะไร CSS - การใช้ CSS Grid Layout CSS - การใช้ Overflow Property CSS - การจัดการ Media Queries สำหรับ Responsive Design CSS - การใช้ Viewport Units CSS - การใช้ Percentage Units CSS - การใช้ Rem และ Em Units CSS - การใช้ Px, Pt, และ Units อื่น ๆ CSS - การใช้ Float Property CSS - การใช้ Clear Property CSS - การจัดการ Z-index CSS - การใช้ Opacity ใน CSS CSS - การใช้ Visibility และ Hidden Element CSS - การใช้ Max-width และ Min-width CSS - การใช้ Max-height และ Min-height CSS - การทำ Responsive Images CSS - การใช้ Object-fit สำหรับการจัดการรูปภาพ CSS - การใช้ Box-shadow CSS - การใช้ Text-shadow CSS - การจัดการ Lists และ List-style CSS - การใช้ Table Properties CSS - การใช้ Cursor Property CSS - การจัดการ Overflow กับ Scrollbars CSS - การใช้ Media Queries สำหรับ Breakpoints CSS - การใช้ Custom Properties (CSS Variables) CSS - การใช้ Calc() Function ใน CSS CSS - การทำ Hover Effects CSS - การทำ Focus Effects CSS - การทำ Active Effects CSS - การใช้ Transitions CSS - การใช้ Animations CSS - การใช้ Keyframes ใน CSS Animation CSS - การใช้ Transform Properties (Rotate, Scale, Skew, Translate) CSS - การใช้ Clip-path สำหรับการสร้างรูปร่าง CSS - การทำ Image Sprites CSS - การใช้ Content Property CSS - การจัดการ User-select Property CSS - การใช้ Word-wrap และ Overflow-wrap CSS - การใช้ Text-align CSS - การใช้ Vertical-align CSS - การจัดการ Line-height CSS - การใช้ Letter-spacing และ Word-spacing CSS - การใช้ White-space Property CSS - การใช้ Text-transform CSS - การใช้ Text-decoration CSS - การใช้ Box-sizing Property CSS - การใช้ Filter Effects CSS - การใช้ Blend Modes CSS - การใช้ Background-attachment และ Background-blend-mode CSS - การใช้ Object-position สำหรับการจัดวางรูปภาพ CSS - การทำ CSS Reset CSS - การใช้ Normalize.css CSS - การใช้ Web Safe Fonts CSS - การใช้ Google Fonts CSS - การจัดการ Font-face และ Custom Fonts CSS - การทำ Responsive Typography CSS - การใช้ Media Queries สำหรับ Typography CSS - การใช้ CSS Units สำหรับ Typography CSS - การใช้ Viewport Units ใน Typography CSS - การใช้ Letterpress Effect CSS - การทำ Text Gradients CSS - การทำ CSS Shapes CSS - การทำ Circular Images CSS - การจัดการ Aspect Ratio ของ Elements CSS - การใช้ Pointer Events Property CSS - การทำ CSS Buttons CSS - การใช้ CSS Variables สำหรับ Themes CSS - การใช้ CSS สำหรับ Web Accessibility CSS - การทำ Responsive Navigation Bars CSS - การใช้ CSS สำหรับ Form Styling CSS - การใช้ Focus-within สำหรับ Form Elements CSS - การจัดการ CSS Grid กับ Flexbox ใน Layout CSS - การใช้ Grid Template Areas CSS - การใช้ CSS Subgrid CSS - การใช้ Custom Scrollbars CSS - การทำ Dark Mode ด้วย CSS CSS - การทำ CSS Masonry Layout CSS - การใช้ Modern CSS Tools (เช่น PostCSS, CSS-in-JS) Box Model ใน CSS - Box Model คืออะไร Box Model ใน CSS - องค์ประกอบหลักของ Box Model (Content, Padding, Border, Margin) Box Model ใน CSS - Content Box คืออะไร Box Model ใน CSS - การกำหนดขนาดของ Content Box Box Model ใน CSS - Padding คืออะไร Box Model ใน CSS - การใช้ Padding ใน Box Model Box Model ใน CSS - วิธีการกำหนด Padding แบบเฉพาะเจาะจง (Top, Right, Bottom, Left) Box Model ใน CSS - การใช้ Shorthand สำหรับ Padding Box Model ใน CSS - Border คืออะไร Box Model ใน CSS - การกำหนด Border Width, Style, และ Color Box Model ใน CSS - Border-radius และการสร้างมุมโค้ง Box Model ใน CSS - การใช้ Border Shorthand Box Model ใน CSS - Margin คืออะไร Box Model ใน CSS - การกำหนด Margin แบบเฉพาะเจาะจง (Top, Right, Bottom, Left) Box Model ใน CSS - การใช้ Shorthand สำหรับ Margin Box Model ใน CSS - การจัดการ Margin Collapse Box Model ใน CSS - Difference ระหว่าง Margin กับ Padding Box Model ใน CSS - การใช้ Auto Margin ในการจัดตำแหน่ง Element Box Model ใน CSS - Box-sizing Property คืออะไร Box Model ใน CSS - Difference ระหว่าง Content-box กับ Border-box Box Model ใน CSS - การใช้ Box-sizing: Border-box เพื่อการจัดการ Layout Box Model ใน CSS - การทำความเข้าใจกับ Total Width และ Height ใน Box Model Box Model ใน CSS - การคำนวณขนาดของ Box Model โดยรวม Box Model ใน CSS - การใช้ Outline Property ใน Box Model Box Model ใน CSS - Difference ระหว่าง Outline กับ Border Box Model ใน CSS - การทำความเข้าใจกับ Visual Formatting Model Box Model ใน CSS - การใช้ Box-shadow ใน Box Model Box Model ใน CSS - การจัดการ Overflow ใน Box Model Box Model ใน CSS - การใช้ Box-sizing ในการทำ Responsive Design Box Model ใน CSS - การจัดการ Box Model บน Elements ที่มีการเปลี่ยนแปลงขนาด Flexbox ใน CSS - Flexbox คืออะไร Flexbox ใน CSS - การประกาศ Flex Container ด้วย display: flex Flexbox ใน CSS - Flex Container กับ Flex Items คืออะไร Flexbox ใน CSS - Main Axis และ Cross Axis ใน Flexbox Flexbox ใน CSS - การใช้ flex-direction (row, row-reverse, column, column-reverse) Flexbox ใน CSS - การใช้ justify-content เพื่อจัดเรียง Flex Items ตาม Main Axis Flexbox ใน CSS - การใช้ align-items เพื่อจัดเรียง Flex Items ตาม Cross Axis Flexbox ใน CSS - การใช้ align-self ในการจัดการ Flex Items แต่ละตัว Flexbox ใน CSS - การใช้ flex-wrap สำหรับจัดการ Flex Items เมื่อพื้นที่ไม่พอ Flexbox ใน CSS - การใช้ align-content เมื่อมี Flex Items หลายบรรทัด Flexbox ใน CSS - การใช้ flex-grow เพื่อกำหนดการขยายของ Flex Items Flexbox ใน CSS - การใช้ flex-shrink เพื่อกำหนดการย่อของ Flex Items Flexbox ใน CSS - การใช้ flex-basis เพื่อกำหนดขนาดเริ่มต้นของ Flex Items Flexbox ใน CSS - การใช้ Shorthand flex (flex-grow, flex-shrink, flex-basis) Flexbox ใน CSS - การใช้ order เพื่อจัดเรียง Flex Items Flexbox ใน CSS - การทำ Responsive Layout ด้วย Flexbox Flexbox ใน CSS - การใช้ Flexbox ร่วมกับ Media Queries Flexbox ใน CSS - การจัดการ Space Around และ Space Between ด้วย justify-content Flexbox ใน CSS - Difference ระหว่าง justify-content กับ align-items Flexbox ใน CSS - Flexbox กับการสร้าง Layout แบบเทียบกับ Grid Layout

CSS

CSS - การใช้ Rem และ Em Units

 

ในโลกของการพัฒนาเว็บไซต์ การสร้างเว็บไซต์ที่ยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งที่นักพัฒนาต้องคำนึงถึงเป็นอย่างมาก ด้วยจำนวนอุปกรณ์ที่หลากหลายซึ่งมีขนาดหน้าจอแตกต่างกัน การใช้หน่วยที่ตอบสนองต่อขนาดของหน้าจอและสามารถปรับขนาดได้จึงเป็นเรื่องที่สำคัญ ซึ่งใน CSS มีหน่วยที่สามารถทำให้การออกแบบเว็บไซต์มีความยืดหยุ่นได้ง่ายขึ้น นั่นคือหน่วย Rem และ Em

 

ความหมายของ Rem และ Em

Rem และ Em เป็นหน่วยวัดขนาดใน CSS ที่ใช้กำหนดความยืดหยุ่นให้กับการออกแบบเว็บไซต์ ในขณะที่หน่วยพิกเซล (px) เป็นการระบุขนาดที่แน่นอน Rem และ Em ช่วยให้ขนาดของการออกแบบสามารถปรับตามการตั้งค่าของผู้ใช้หรือโครงสร้างของ HTML

Em

Em หน่วยนี้มาจาก "M" ของคำว่า "em dash" ซึ่งเป็นมาตรฐานของการวัดขนาดตัวอักษรในน้ำหนักปกติ โดย 1em ถูกตั้งค่าให้มีเท่ากับความสูงของฟอนต์ของโหนดหลัก (หรือโหนดปัจจุบัน)

ตัวอย่างเช่น หากฟอนต์ของตัวอักษรเป็น 16px และเราต้องการกำหนดขนาดของฟอนต์ใหม่เป็น 2em ขนาดจะกลายเป็น 32px เนื่องจาก 2 x 16px = 32px ทั้งนี้ หน่วย Em จะขึ้นอยู่กับขนาดของฟอนต์ของพาร์เร้น (องค์ประกอบห่อหุ้มหรือตัวพ่อ) ทำให้การคำนวณขนาดทั้งหมดซ้อนซับได้

Rem

Rem ย่อมาจาก "Root em" ซึ่งแตกต่างจาก Em คือ มันขึ้นอยู่กับขนาดฟอนต์ของราก (root) ของเอกสสาร HTML หรือ `<html>`, และมักถูกตั้งค่าไว้ที่ 16px

ยกตัวอย่างเช่น ถ้าขนาดฟอนต์ของราก (root) ที่ <html> ถูกตั้งค่าเป็น 16px, การกำหนดฟอนต์ขนาด 2rem จะมีค่าเท่ากับ 32px ซึ่งทำให้การคำนวณขนาดง่ายกว่า Em ด้วยการอ้างอิงตัวเดียวจาก root

 

การใช้ Rem และ Em ในการออกแบบที่ตอบสนอง

การเลือกใช้ Rem และ Em ขึ้นอยู่กับความต้องการของการออกแบบ ถ้าต้องการให้ขนาดขององค์ประกอบยึดตามขนาดฟอนต์ของ element หลักที่ซ้อนลึกลงไปใน DOM เราจะใช้ Em แต่ถ้าต้องการความยืดหยุ่นที่อ้างอิงจาก root อันเปรียบเสมือนมาตรฐาน เราจะใช้ Rem

กรณีการใช้งาน:

ลองพิจารณาการออกแบบหน้าเว็บที่มีหัวเรื่อง, ย่อหน้า, และปุ่ม:


<!DOCTYPE html>
<html>
<head>
  <style>
    html {
      font-size: 16px; /* ที่เป็นค่าเริ่มต้น */
    }
    h1 {
      font-size: 2rem; /* ขึ้นอยู่กับขนาดของ root */
    }
    p {
      font-size: 1em; /* ขึ้นอยู่กับขนาดฟอนต์ของตัวเองหรือพาร์เร้นท์ */
    }
    button {
      font-size: 1.5em; /* ขึ้นอยู่กับขนาดฟอนต์ของพาร์เร้นท์ตัวเอง เช่น p */
    }
  </style>
</head>
<body>
  <h1>Welcome to my Web Page</h1>
  <p>This is a paragraph of text.</p>
  <button>Click Me</button>
</body>
</html>

ในตัวอย่างนี้ ขนาดของหัวเรื่องจะอยู่ที่ 32px ขึ้นกับ root em ส่วนขนาดตัวอักษรของปุ่มจะถูกคำนวณจากพาร์เร้นท์ซึ่งคือย่อหน้า, หากพาร์เร้นท์ถูกตั้งค่าเป็น 16px ปุ่มจะมีขนาดฟอนต์ 24px

 

ข้อดีและข้อเสีย

ข้อดี:

1. ความยืดหยุ่น: Rem และ Em ช่วยให้การออกแบบสามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงขนาดของอุปกรณ์ได้ดี 2. การเข้าถึง: ผู้ใช้งานสามารถปรับขนาดฟอนต์ของเว็บได้ตามใจชอบเพียงแค่ปรับการตั้งค่าจากเบราว์เซอร์

ข้อเสีย:

1. ความซับซ้อน: อาจทำให้เกิดความซับซ้อนเมื่อต้องซ้อนหลายชั้นของ Em 2. ความเข้ากันได้: หน่วยเหล่านี้อาจไม่เหมาะสมกับทุกเบราว์เซอร์, ต้องตรวจสอบว่าเบราว์เซอร์ที่เราต้องการรองรับสามารถจัดการหน่วยนี้ได้

 

สรุป

การใช้หน่วย Rem และ Em เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการสร้างการออกแบบที่ยืดหยุ่น การเรียนรู้เรื่องเหล่านี้จะช่วยให้สามารถออกแบบหน้าเว็บไซต์ที่ไม่เพียงแค่ดูดี แต่ยังปรับตัวได้ตามความต้องการของผู้ใช้ ด้วยการใช้ตัวเลือกที่เน้นความเข้ากันได้และการตอบสนองที่ดี หากคุณสนใจที่จะศึกษา CSS เพิ่มเติม หรือค้นหาหลักสูตรการเขียนโปรแกรมที่เน้นการสร้างเว็บไซต์ เราขอแนะนำให้คุณศึกษาได้ที่ EPT โรงเรียนที่เน้นการเรียนการสอนแบบมืออาชีพที่ตอบสนองต่อความต้องการของตลาดในปัจจุบัน

 

 

หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง

หากเจอข้อผิดพลาด หรือต้องการพูดคุย ติดต่อได้ที่ https://m.me/expert.Programming.Tutor/


Tag ที่น่าสนใจ: java c# vb.net python c c++ machine_learning web database oop cloud aws ios android


บทความนี้อาจจะมีที่ผิด กรุณาตรวจสอบก่อนใช้

หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor

ไม่อยากอ่าน Tutorial อยากมาเรียนเลยทำอย่างไร?

สมัครเรียน ONLINE ได้ทันทีที่ https://elearn.expert-programming-tutor.com

หรือติดต่อ

085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM

แผนที่ ที่ตั้งของอาคารของเรา

แผนผังการเรียนเขียนโปรแกรม

Link อื่นๆ

Allow sites to save and read cookie data.
Cookies are small pieces of data created by sites you visit. They make your online experience easier by saving browsing information. We use cookies to improve your experience on our website. By browsing this website, you agree to our use of cookies.

Copyright (c) 2013 expert-programming-tutor.com. All rights reserved. | 085-350-7540 | 084-88-00-255 | ntprintf@gmail.com

ติดต่อเราได้ที่

085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM
แผนที่ ที่ตั้งของอาคารของเรา