สมัครเรียนโทร. 085-350-7540 , 084-88-00-255 , ntprintf@gmail.com

Gradle

การใช้งาน Gradle ใน Java พื้นฐาน - ติดตั้ง Gradle การใช้งาน Gradle ใน Java พื้นฐาน - สร้างโปรเจกต์ Java ใหม่ด้วย Gradle การใช้งาน Gradle ใน Java พื้นฐาน - ไฟล์ build.gradle การใช้งาน Gradle ใน Java พื้นฐาน - คอมไพล์โปรเจกต์ Java การใช้งาน Gradle ใน Java พื้นฐาน - รันไฟล์ Java ที่มี Main Class การใช้งาน Gradle ใน Java พื้นฐาน - เพิ่ม Dependencies สำหรับโปรเจกต์ การใช้งาน Gradle ใน Java พื้นฐาน - รัน Unit Test การใช้งาน Gradle ใน Java พื้นฐาน - ทำความสะอาดโปรเจกต์ การใช้งาน Gradle ใน Java พื้นฐาน - กำหนด Java Version ใน Gradle การใช้งาน Gradle ใน Java พื้นฐาน - สร้างไฟล์ JAR Gradle ใน Java การทำงานกับ Dependencies และ Repositories - เพิ่ม Dependency จาก Maven Central Gradle ใน Java การทำงานกับ Dependencies และ Repositories - จัดการกับ Dependency Scope Gradle ใน Java การทำงานกับ Dependencies และ Repositories - เพิ่ม Dependency จาก JCenter Gradle ใน Java การทำงานกับ Dependencies และ Repositories - ใช้ Local Repository สำหรับ Dependency Gradle ใน Java การทำงานกับ Dependencies และ Repositories - Exclude Dependencies Gradle ใน Java การทำงานกับ Dependencies และ Repositories - ดูรายการ Dependencies ทั้งหมดในโปรเจกต์ Gradle ใน Java การทำงานกับ Dependencies และ Repositories - จัดการกับ Dependency Resolution Strategy Gradle ใน Java การทำงานกับ Dependencies และ Repositories - การใช้ build.gradle.kts แทน build.gradle Gradle ใน Java การทำงานกับ Dependencies และ Repositories - อัปเดตเวอร์ชันของ Dependency อัตโนมัติ Gradle ใน Java การทำงานกับ Dependencies และ Repositories - การใช้ BOM (Bill of Materials) Gradle ใน Java การทำงานกับ Tasks และ Plugins - สร้าง Custom Task ใน Gradle Gradle ใน Java การทำงานกับ Tasks และ Plugins - เรียกใช้ Custom Task Gradle ใน Java การทำงานกับ Tasks และ Plugins - การตั้งค่า Task Dependencies Gradle ใน Java การทำงานกับ Tasks และ Plugins - กำหนด Default Task Gradle ใน Java การทำงานกับ Tasks และ Plugins - เพิ่ม Java Plugin ในโปรเจกต์ Gradle ใน Java การทำงานกับ Tasks และ Plugins - เพิ่ม Application Plugin สำหรับการรันโปรเจกต์ Gradle ใน Java การทำงานกับ Tasks และ Plugins - กำหนด Custom Jar Task Gradle ใน Java การทำงานกับ Tasks และ Plugins - การตั้งค่า Output Directory ของไฟล์ Build Gradle ใน Java การทำงานกับ Tasks และ Plugins - ใช้งาน Multi-Project Build Gradle ใน Java การทำงานกับ Tasks และ Plugins - การทำงานกับ Gradle Wrapper การใช้งาน Gradle ใน Java เพื่อการสร้างโปรเจกต์ Java ด้วย Gradle การใช้งาน Gradle ใน Java เพื่อการเพิ่ม apply plugin: java ใน build.gradle การใช้งาน Gradle ใน Java เพื่อการคอมไพล์โปรเจกต์ด้วย gradle build การใช้งาน Gradle ใน Java เพื่อการรันโปรเจกต์ด้วย gradle run การใช้งาน Gradle ใน Java เพื่อการเพิ่ม JUnit สำหรับ Unit Testing การใช้งาน Gradle ใน Java เพื่อการใช้ repositories { mavenCentral() } เพื่อระบุแหล่งที่มาของ Dependency การใช้งาน Gradle ใน Java เพื่อการเพิ่ม Dependency ใน build.gradle การใช้งาน Gradle ใน Java เพื่อการใช้ gradle test เพื่อรัน Unit Tests การใช้งาน Gradle ใน Java เพื่อการตั้งค่ากำหนดเวอร์ชันของ Java ใน build.gradle การใช้งาน Gradle ใน Java เพื่อการสร้าง Jar ไฟล์ด้วย gradle jar การใช้งาน Gradle ใน Java เพื่อการตั้งค่า Main-Class ใน build.gradle การใช้งาน Gradle ใน Java เพื่อการเพิ่ม Custom Task ใน build.gradle การใช้งาน Gradle ใน Java เพื่อการใช้ gradle clean เพื่อลบไฟล์ที่สร้างขึ้น การใช้งาน Gradle ใน Java เพื่อการเพิ่ม Plugin ของ Spring Boot ใน Gradle การใช้งาน Gradle ใน Java เพื่อการใช้ gradle bootRun เพื่อรันโปรเจกต์ Spring Boot การใช้งาน Gradle ใน Java เพื่อการรวม Gradle กับ IntelliJ IDEA การใช้งาน Gradle ใน Java เพื่อการรวม Gradle กับ Eclipse IDE การใช้งาน Gradle ใน Java เพื่อการจัดการหลายโมดูลด้วย Gradle การใช้งาน Gradle ใน Java เพื่อการสร้าง Multi-Project Build ด้วย Gradle การใช้งาน Gradle ใน Java เพื่อการใช้ gradle wrapper เพื่อสร้าง Wrapper การใช้งาน Gradle ใน Java เพื่อการใช้ Wrapper ในการรันโปรเจกต์ ./gradlew build การใช้งาน Gradle ใน Java เพื่อการจัดการ Dependency ของหลายโปรเจกต์ด้วย Gradle การใช้งาน Gradle ใน Java เพื่อการใช้ gradle dependencies เพื่อตรวจสอบ Dependency การใช้งาน Gradle ใน Java เพื่อการเพิ่มและจัดการ Dependency แบบ Transitive การใช้งาน Gradle ใน Java เพื่อการตั้งค่าการสร้าง Custom Jar ไฟล์ การใช้งาน Gradle ใน Java เพื่อการใช้ gradle check เพื่อตรวจสอบโปรเจกต์ การใช้งาน Gradle ใน Java เพื่อการจัดการ Logging ใน Gradle การใช้งาน Gradle ใน Java เพื่อการเพิ่ม Plugin สำหรับการสร้างเอกสาร Javadoc การใช้งาน Gradle ใน Java เพื่อการใช้ gradle publish สำหรับเผยแพร่โปรเจกต์ การใช้งาน Gradle ใน Java เพื่อการสร้าง Fat JAR ด้วย Gradle

การใช้งาน Gradle ใน Java เพื่อการจัดการ Logging ใน Gradle

 

เมื่อเราพูดถึงการพัฒนาโปรแกรมในภาษา Java โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโครงการขนาดใหญ่ จำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องมีเครื่องมือและเทคนิคในการจัดการการพัฒนาที่มีประสิทธิภาพ หนึ่งในเครื่องมือที่กำลังได้รับความนิยมในหมู่นักพัฒนา Java คือ "Gradle" ซึ่งเป็น build automation tool ที่ทรงพลังและยืดหยุ่นในยุคนี้

Gradle ช่วยในกระบวนการ build, test, และ deploy อย่างมีระบบ ด้วยความสามารถในการจัดการ dependency ที่ยอดเยี่ยม แต่บทความนี้จะเน้นไปที่การจัดการเกี่ยวกับ logging ใน Gradle ซึ่งมีความสำคัญไม่น้อยหน้าเรื่องอื่นๆ เลย

 

ความสำคัญของ Logging ในโปรเจค Java

Logging เป็นส่วนสำคัญของการพัฒนาซอฟต์แวร์ ช่วยให้เราสามารถตรวจสอบและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในระบบได้อย่างรวดเร็ว เมื่อเทียบกับการพิมพ์ข้อความ debug ลงบนคอนโซล การใช้ logging library จะมีความยืดหยุ่นและสามารถนำไปใช้งานได้ในหลายสถานการณ์มากกว่า ไม่ว่าจะเป็นการบันทึก log ลง file หรือ syslog server

 

Gradle และการจัดการ Logging

Gradle มีระบบ logging ที่เป็นของตัวเอง มีความยืดหยุ่นและปรับแต่งได้ตามต้องการ คุณสามารถกำหนดระดับของ log ที่ต้องการแสดงผล หรือส่งออกไปยัง output ต่างๆได้

ติดตั้งและตั้งค่า Gradle ในโปรเจค

เริ่มด้วยการสร้างไฟล์ `build.gradle` ซึ่งเป็นพื้นฐานในการใช้ Gradle สำหรับโปรเจค Java ของเรา:


plugins {
    id 'java'
}

repositories {
    mavenCentral()
}

dependencies {
    implementation 'org.slf4j:slf4j-api:1.7.32'
    runtimeOnly 'org.slf4j:slf4j-simple:1.7.32'
}

ในตัวอย่างนี้ เราได้ใช้ SLF4J (Simple Logging Facade for Java) เป็นอินเตอร์เฟซกลางที่ใช้ในการจัดการ logging framework โดยที่ SLF4J รองรับการทำงานร่วมกับหลายๆ logging framework เช่น Logback, Log4j

การจัดการ Logging ใน Gradle build script

คุณสามารถกำหนดระดับ log ในไฟล์ `build.gradle` ของคุณได้ โดยผ่านคำสั่งต่างๆ เช่น:


gradle.projectsEvaluated {
    tasks.withType(JavaExec) {
        doFirst {
            logging.level = LogLevel.INFO
        }
    }
}

Logging level ที่สามารถตั้งค่าได้มีหลายระดับ เช่น ERROR, WARNING, INFO, DEBUG ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถกรองข้อมูลที่ต้องการได้อย่างเลือกสรร

 

การใช้ SLF4J ใน Java Application

เมื่อคุณได้ตั้งค่า dependency ของ SLF4J ใน `build.gradle` แล้ว คุณสามารถใช้งานได้ในโปรแกรมของคุณด้วยวิธีง่ายๆ ดังนี้:


import org.slf4j.Logger;
import org.slf4j.LoggerFactory;

public class Main {
    private static final Logger logger = LoggerFactory.getLogger(Main.class);

    public static void main(String[] args) {
        logger.info("Application started successfully");
        try {
            // โค้ดการทำงานหลักของโปรแกรม
        } catch (Exception e) {
            logger.error("An error occurred: ", e);
        }
    }
}

ในตัวอย่างนี้ เมื่อโปรแกรมเริ่มทำงาน ก็จะบันทึก log ลงไฟล์ตามที่ตั้งค่าไว้ใน SLF4J โดยแสดงผลออกเป็นระดับ INFO และถ้ามีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นจะถูกบันทึกในระดับ ERROR

 

ประโยชน์ของการใช้ Gradle ร่วมกับ Logging

1. ความเป็นระเบียบ: การใช้ logging frameworks ช่วยให้เราจัดจัดระเบียบการแสดงผล log ได้อย่างง่ายดาย ต่างจากการใช้ `System.out.println()`

2. ประสิทธิภาพที่ดีขึ้น: ทำให้แอปพลิเคชันของมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นในแง่ของ CPU และ Memory เนื่องจาก logging frameworks มีวิธีจัดการ internal state ที่ดีกว่า

3. การรายงานข้อผิดพลาดที่ชัดเจน: ช่วยให้การแก้ไขข้อผิดพลาด หรือ debug โปรเจคง่ายขึ้น

 

สรุป

การจัดการ logging ด้วย Gradle และ SLF4J ในโปรเจค Java นั้นไม่เพียงแต่ช่วยให้แอปพลิเคชันมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ยังช่วยให้กระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โปรแกรมเมอร์หรือวิศวกรซอฟต์แวร์สามารถพัฒนาต่อขยายได้ตามต้องการอย่างเป็นระบบ

ถ้าหากคุณสนใจเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการตั้งค่าและการใช้งาน Gradle คุณสามารถตามหาแหล่งข้อมูลเพิ่มเติมหรือสมัครเรียนที่โรงเรียนที่มีหลักสูตรพิเศษเกี่ยวกับการพัฒนาโปรแกรมอย่าง Expert-Programming-Tutor (EPT) ซึ่งมีอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญคอยแนะนำและให้คำปรึกษากับคุณในทุกขั้นตอนของการเรียนรู้อย่างไม่น่าเบื่อ

โปรแกรมเมอร์ที่ดีไม่เพียงแค่พัฒนาซอฟต์แวร์ออกมาใช้ได้ดี แต่ยังต้องรู้จักการจัดการโครงสร้างและบริหารจัดการในการพัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นการเรียนรู้เกี่ยวกับเครื่องมือแบบ Gradle จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม!

 

 

หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง

หากเจอข้อผิดพลาด หรือต้องการพูดคุย ติดต่อได้ที่ https://m.me/expert.Programming.Tutor/


Tag ที่น่าสนใจ: java c# vb.net python c c++ machine_learning web database oop cloud aws ios android


บทความนี้อาจจะมีที่ผิด กรุณาตรวจสอบก่อนใช้

หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor

ไม่อยากอ่าน Tutorial อยากมาเรียนเลยทำอย่างไร?

สมัครเรียน ONLINE ได้ทันทีที่ https://elearn.expert-programming-tutor.com

หรือติดต่อ

085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM

แผนที่ ที่ตั้งของอาคารของเรา

แผนผังการเรียนเขียนโปรแกรม

Link อื่นๆ

Allow sites to save and read cookie data.
Cookies are small pieces of data created by sites you visit. They make your online experience easier by saving browsing information. We use cookies to improve your experience on our website. By browsing this website, you agree to our use of cookies.

Copyright (c) 2013 expert-programming-tutor.com. All rights reserved. | 085-350-7540 | 084-88-00-255 | ntprintf@gmail.com

ติดต่อเราได้ที่

085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM
แผนที่ ที่ตั้งของอาคารของเรา